
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาทุกคนคงได้รับฟังหรืออ่านข่าวเพลง “ประเทศกูมี” ผลงานจากกลุ่ม Rap Against Dictatorship กันมาบ้างแล้ว ซึ่งนอกจากจะเป็นข่าวดังในประเทศไทยในลักษณะของไวรัล และประเด็นถกเถียงต่างๆ มากมายจากเนื้อเพลงและมิวสิควิดีโอ เรื่องนี้ยังถูกพูดถึงในระดับโลก เมื่อมีสื่อต่างประเทศทั้งหัวเล็กหัวใหญ่ติดตามสถานการณ์และลงข่าวกันมากมาย
และล่าสุดจากงาน “สตาร์ทอัพร่วมกำหนดอนาคตประเทศไทย” ที่จัดขึ้น ณ ทำเนียบรัฐบาล ภายในงานก็มีการเปิดเพลงแร็พต้อนรับพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ชื่อว่าเพลง “Thailand 4.0” โดยเพลงดังกล่าวเป็นเพลงฮิพฮอพในสไตล์ที่คนไทยส่วนใหญ่คุ้นเคยกันดี ซึ่งจากเหตุการณ์นี้ทำให้ถูกสื่อฮิพฮอพระดับโลกอย่าง XXL, Complex และ Billboard นำไปเป็นข่าวบนเว็บไซต์ในเชิงความหมายว่ารัฐบาลตอบกลับเพลงแร็พดังกล่าวด้วยการดิสกลับ
เรามารวบรวมกันว่าสื่อต่างประเทศหัวไหนบ้างที่ลงข่าวเพลง “ประเทศกูมี” รวมถึงการตอบโต้ด้วยเพลงแร็พของรัฐบาลไทย
- สื่อฮิพฮอพชื่อดังจากสหรัฐฯ ลงข่าวเกี่ยวกับประเทศไทยเป็นครั้งแรกจากการตอบกลับเพลง “ประเทศกูมี” ของรัฐบาลไทย โดยผู้ที่ได้ขึ้นภาพปกข่าวคนแรกก็คือ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
- สื่อวงการเพลงที่ทรงอิทธิพล ลงข่าวเรื่องนี้หลังจากรัฐบาลไทยปล่อยเพลงแร็พ “Thailand 4.0”
- สื่อสายวัฒนธรรมและเพลงฮิพฮอพที่ลงข่าวเดียวกัน จากการเข้าร่วมในสถานการณ์เพลงแร็พของรัฐบาลไทย
- สื่อดังจากอังกฤษตีข่าวนี้หลังจากเพลง Thailand 4.0 ในงานสตาร์ทอัพเช่นเดียวกันกับเจ้าดังอื่นๆ เพียงแต่ภาพปกข่าวเป็นภาพของ Liberate P
- หนังสือพิมพ์ชื่อดังจากอังกฤษ เล่นข่าวนี้ตั้งแต่ช่วงที่เป็นกระแสเพลงในไทย
- สำนักข่าวชื่อดังในเครือ FOX จากสหรัฐฯ ก็ลงข่าวนี้ หลังจากรัฐบาลไทยปล่อยเพลงแร็พออกมา
- สื่อดังจากอเมริกาที่มุ่งเน้นเรื่องเศรษฐกิจ ก็ลงข่าวนี้ในช่วงที่เพลง ประเทศกูมี กำลังเป็นกระแสสังคมในไทย
- สำนักข่าวดังจากญี่ปุ่น ลงข่าวนี้เช่นกัน
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเพลงแร็พสัญชาติไทยทั้งสองเพลง ส่งให้แร็พในบ้านเราเป็นที่สนใจจากสื่อระดับโลกมากมาย และเป็นสิ่งยืนยันได้ดีว่า Hip Hop เป็นแนวเพลงที่มีอิทธิพลกับการเมืองและวัฒนธรรมในยุคปัจจุบันอย่างปฏิเสธไม่ได้ การปล่อยเพลง Thailand 4.0 จากภาครัฐ ในงานที่มีนายกรัฐมนตรีไปร่วมงานอาจเป็นการใช้เทรนด์แร็พไปประยุกต์ในงานสร้างสรรค์ แต่ในเชิงฮิพฮอพเองจะเห็นว่าสื่ออย่าง XXL, Complex และ Billboard เลือกใช้คำว่า Diss Track เสมือนเป็นการตอบกลับของรัฐบาลไปโดยปริยาย
ซึ่งทิศทางของกระแสแร็พในไทยจะเป็นอย่างต่อไปก็ขึ้นอยู่กับความสนใจของผู้ผลิตผลงาน ผู้ฟัง และสื่อมวลชนที่จะให้คุณค่ากับผลงานใหม่ๆ มากน้อยแค่ไหน และจากเหตุการณ์นี้ก็พิสูจน์ได้อย่างนึงว่าหากเนื้อหาของเพลงพูดถึงเรื่องที่ใหญ่พอ มันก็ไปถึงคนอีกฝากฝั่งโลกเช่นกัน และเหตุการณ์นี้ก็ทำให้เราพูดได้เต็มปากว่า “ประเทศกูมี”